Custom Search By Google

Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

Jesus-พระเยซู

คอลัมน์พลังชีวิต
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2436 ประจำวัน พุธ ที่ 10 ธันวาคม 2008
โดย อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์


Jesus-พระเยซู

คำนี้เป็นชื่อเรียก “พระเยซู” ตรงกับคำภาษาละตินว่า “Jesus” มาจากคำภาษากรีกว่า “jesous” (จี’ซัส) ซึ่งมาจากภาษาฮิบรูว่า “yeshua” (Yahoshua) แปลว่า “ผู้ช่วยให้รอด”

แท้จริงชื่อภาษากรีกนี้ถือเป็นชื่อที่คนนิยมมากในสมัยของพระเยซูเอง จึงมีหลายคนที่ใช้ชื่อนี้เช่น เยซู บารับบัส, เยซู ยุสทัส (โคโลสี 4 :11) และเยซู ผู้เป็นบรรพบุรุษของโยเซฟ (ลูกา 3:29) แต่ถ้าเป็นชื่อ
ภาษาฮิบรูก็จะออกเสียงว่า “โยชูวา (Joshua)” (กิจการ 7:45 ; ฮีบรู 4:8)

ความหมายตาม Dictionary ของคำว่า Jesus คือ “ศาสดาผู้ก่อตั้งคริสตศาสนา, เป็นผู้ที่ชาวคริสต์เชื่อว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้าและเป็นพระเมสิยาห์ (ผู้ซึ่งได้รับการเจิมตั้งให้มาช่วยมนุษย์ให้รอด)” (The founder of Christianity, regarded by Christians as the son of God and the Messiah.)

จะเห็นได้ว่า แม้คนทั่วๆไปจะถือว่าพระเยซูเป็นศาสดาของคริสตศาสนา แต่ชาวคริสต์ส่วนใหญ่กลับไม่คิดอย่างนั้น! เพราะชาวคริสต์แท้จะเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ (Jesus Christ, เยซูเป็นชื่อ, คริสต์เป็นตำแหน่ง แปลว่า “ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมแต่งตั้ง) เป็นพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พระภาคของพระเป็นเจ้าที่เรียกว่า ตรีเอกานุภาพ (3 เป็น 1)!

ชาวคริสต์ถือว่า พระเป็นเจ้าเป็นพระเจ้าองค์เดียว แต่มี 3 พระภาคคือ พระบิดา, พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ทางคาทอลิก จะเรียกพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า “พระจิต”)

พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จเข้ามารับสภาพของมนุษย์ในโลกเพื่อจะช่วยมนุษย์ให้รอดจาก 3 “P” ที่เกี่ยวกับบาป นั่นคือโทษของบาป (penalty of sin) ในอดีต, อำนาจของบาป (power of sin) ในปัจจุบัน และการปรากฏอยู่ของบาป (presence of sin) ในอนาคต!

ตามความเชื่อของชาวคริสต์ พระเยซูคริสต์ถูกตรึงสิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ ที่เรียกว่า Good Friday และเป็นขึ้นมาจากอุโมงค์ฝังศพในวันอาทิตย์ที่เรียกว่า Easter และหลังจากนั้นอีก 40 วัน ก็เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ที่เรียกว่า “Ascension” จากนั้นพระองค์จะกลับมาอีกครั้งตามพระสัญญา เพื่อรับคนที่เชื่อไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์ เราเรียกวันนั้นว่า “The Second Coming of Christ” (การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูคริสต์)! ซึ่งคนในปัจจุบันจะนำไปผูกกับเรื่องวาระสุดท้ายของโลก!

ในขณะที่ดำเนินอยู่ในโลก พระเยซูคริสต์ทรงกระทำความดี ด้วยการเทศนา (Preaching), สั่งสอน (Teaching) และรักษาโรคภัยไข้เจ็บ (Healing) ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพระองค์ก็คือ การถูกตรึงตายไถ่บาปของมวลมนุษย์โลกนั่นเอง!

พระเยซูคริสต์ (Jesus) ได้รับการยกย่องว่า เป็นปรมาจารย์ในการสอน (The Master Teacher) เพราะทรงมีกลวิธีในการสอนที่เยี่ยมยุทธ์เกินผู้ใดเทียบเทียมได้ แต่กระนั้นชาวคริสต์ก็ยังไม่ชื่นชมกับการยกย่องนั้น เพราะเห็นว่าสถานภาพนั้นเมื่อเทียบกับฐานศักดิ์ที่แท้จริงของพระองค์ แล้วยังต่ำกว่าความเป็นจริงมากนักเพราะชาวคริสต์เชื่ออย่างสุดหัวใจว่า พระองค์ทรงเป็น “พระเจ้า” แห่งฟ้าสวรรค์

ชาวคริสต์ยังเชื่ออีกว่า…พระเยซูคริสต์ทรงตั้งคริสตจักรขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของพระองค์ในการนำมวลมนุษย์ทั้งหลายให้มารับความรอด (พ้นจากโทษบาป)! เพราะพระองค์ได้ทรงชำระหนี้บาปแทนมนุษย์ทุกคนแล้วด้วยการจ่ายค่าไถ่ราคาสูงที่สุดในจักรวาล นั่นคือ ด้วยชีวิตของพระองค์เอง!

พระเยซูคริสต์ทรงเปรียบพระองค์เองเป็นประดุจผู้เลี้ยงแกะที่ดี (The Good Shepherd) ที่ห่วงใยในฝูงแกะ และยินยอมสละชีวิตปกป้องฝูงแกะของพระองค์ พระองค์ยังทรงเปรียบพระองค์เป็นเถาองุ่นแท้ (The true Vine) ที่มีพระเจ้าพระบิดาเป็นเจ้าของสวน และบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์เป็นเสมือนแขนง(กิ่งก้าน)!

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเปรียบเทียบต่อไปว่า พระองค์นั้นเป็นความสว่าง ของโลก (The Light of the World), เป็นอาหารแห่งชีวิต (The Bread of life), เป็นทาง, ความจริง และชีวิต (The Way, The Truth, The Life) เป็นประตู (The Gate), และเป็นเหตุให้คนเป็นขึ้น และมีชีวิต! (The Resurrection and the Life) ฯลฯ

พระเยซูทรงเจริญพระชนม์ขึ้นในเมืองเล็กๆ ชื่อเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งอยู่ทางเหนือของอิสราเอล ผู้คนจึงรู้จักพระองค์ในพระนาม “เยซูชาวนาซาเร็ธ” (Jesus of Nazareth) และมีภาพยนตร์คลาสสิกที่นำแสดงโดยดาราชื่อดัง โอลีเวีย ฮัสซีย์ มีชื่อว่า “Jesus of Nazareth” ที่ทุกคนน่าจะได้ชมดูสักครั้ง!

นโปเลียน มหาราช ผู้ยิ่งใหญ่ ตรัสว่า “ข้าพเจ้าเอาชนะโลกนี้ด้วยกำลังทหาร แต่พระเยซูคริสต์ทรงชนะโลกด้วยความรัก…ถ้าโสคราติส (ปรัชญาเมธี ชื่อดังของโลก) เดินเข้ามาในห้องนี้ เราควรลุกขึ้นให้เกียรติแก่ท่าน แต่ถ้าพระเยซูคริสต์ (Jesus Christ) ทรงเสด็จเข้ามา เราควรจะคุกเข่าลงกราบนมัสการพระองค์!”

หวังว่า วันนี้เราจะรู้จัก “Jesus” ผู้นี้ได้ดีขึ้น!

ไม่มีความคิดเห็น: