Custom Search By Google

Custom Search

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

พระคริสต์ธรรมคัมภีร์


....พระคริสตธรรมคัมภีร์ มีทั้งหมด 66 เล่ม โดยมีกาีรแยกเป็น 2 ภาค ภาคแรกเรียกว่า พันธสัญญาเดิมมีอยู่ 39 เล่ม มีเนื้อหาประมาณสามในสี่ของพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ทั้งเล่ม เขียนขึ้นโดยผู้ที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า 35 คน และภาคที่สองเรียกว่าพันธะสัญญาใหม่มีอยู่ 27 เล่ม เขียนขึ้นโดยอัครสาวกและสาวกของพระเยชู โดยแต่ละเล่มสรุปย่อๆ ได้ดังต่อไปนี้ ....


พันธสัญญาเดิม
........1.ปฐมกาล ปฐมกาลแปลว่า เริ่มแรก หนังสือปฐมกาลเป็นเรื่องการเริ่มต้นของหลายสิ่งหลายอย่าง เช่นการเริ่มต้นของจักรวาล การเริ่มต้นของมนุษย์ชายหญิง ...
การที่บาปเริ่มเข้ามาในชีวิตมนุษย์ และการที่พระเจ้าเริ่มให้พระสัญญาญเกี่ยวกับความรอด นอกจากนั้นยังกล่าวถึงชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ
และแผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตของพวกเขา เราจะได้รู้จักกับอาดัมและเอวา โนอาห์ อับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และโยเซฟกับพวกพี่น้องของเขา ...


........2.อพยพ อพยพแปลว่า "โยกย้ายออกไป" หนังสืออพยพบรรยายถึงชนชาติของพระเจ้าต่อจากหนังสือปฐมกาล เป็นเรื่องที่พระเจ้าทรงเลือกโมเสสให้เป็นผู้นำประชาชนอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอิยิปต์ไปยังแผ่นดินพระสัญญาญ คือคานาอัน
พระเจ้าทรงสำแดงให้ประชากรของพระองค์เห็นว่า พระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่เหนือฟาโรห์ของคนอิยิปต์ผ่านทางภัยพิบัติสิบอย่างและการแหวกทะเลแดง และในระหว่างที่คนอิสราเอลเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารพระเจ้าทรงประทานกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้พวกเขาถือปฎิบัติรวมทั้งพระบัญญัติสิบประการด้วย
นอกจากนั้นพระเจ้ายังเตือนประชากรของพระองค์ตลอดเวลาว่า พระองค์จะให้เขาเป็นประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ถ้าพวกเขารักและเทิดทูลบูชาพระองค์ผู้เดียว
และประพฤติตามคำสั่งของพระองค์ .


....... เลวีนิติ เลวีนิติแปลว่า"เกี่ยวกับพวกเลวี"ตระกูลเลวีเป็นปุโรหิตของพระเจ้า หนังสือเลวีนิติกล่าวถึงกฎระเบียบการปฏิบัติงานของพวกเลวี - กฎเกณฑ์ในการนมัสการพระเจ้าและการถวายเครื่องบูชา ในเลวีนิติ 11:45 พระเจ้าตรัสว่า"เจ้าต้องบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์"กฎเกณฑ์ที่พระเจ้าให้คนอิสราเอลในหนังสือเลวีนิตินี้ก็เพื่อช่วยพวกเขาให้มีชีวิตบริสุทธิ์

......กันดารวิถี สองบทของเล่มนี้กล่าวถึงการนับจำนวนประชากรอิสราเอล นอกนั้นส่วนมากเป็นเรื่องการเดินทานรอนแรมในถิ่นทุรกันดารของพวกเขา ดังนั้น
เล่มนี้จึงได้ชื่อว่ากันดารวิถี ตลอดหนังสือกันดารวิถีทั้งเล่มชี้ถึงความห่วงใยของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงจัดหา น้ำ มานา และนกคุ่มให้อย่างอัศจรรย์
แม้พวกเขาจะบ่นว่าและกบฏต่อพระองค์ พระองค์ยังคงรักและให้อภัยเสมอมา

........เฉลยธรรมบัญญัติ รากศัพท์เฉลยธรรมบัญญัติในภาษาฮีบรูมีความหมายว่า"พระบัญญัติครั้งที่สอง" หลังจากวนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปีคนอิสราเอล
็พร้อมเข้าคานาอัน ซึ่งเป็นแผ่นดินพระสัญญา แต่ก่อนจะเข้าไป โมเสสต้องการเตือนความจำของพวกเขา ถึงทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อพวกเขาโดยตลอด ถึงพระบัญญวัติของพระเจ้าที่พวกเขาจำเป็นต้องเชื่อฟังและถือรักษาในฐานะที่เป็นชนชาติของพระองค์ โมเสสยังย้ำด้วยว่าพวกเขาต้องสอนลูกหลานให้รักและเชื่อฟังพนะเจ้าด้วยเช่นกันด้วยท้ายเล่มเป็นเรื่องที่พระเจ้าฟื้นฟูพันธสัญญากับคนอิสราเอลใหม่(บทที่29)
โยชูวาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำคนใหม่(บทที่31)และโมเสสสิ้นชีวิต(บทที่34)

........โยชูวา โยชูวาเป็นชื่อของผู้นำคนสำคัญที่พระเจ้าแต่งตั้งขึ้นเขานำคนอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนบุกเยรีโคอย่างอัศจรรย์ พวกเขาจึงสามารถยึดครองเนื้อที่ ที่เป็นส่วนสำคัญของคานาอันได้ในเวลาไม่นานนัก ฌดยความช่วยเหลือของพระเจ้า ก่อนโยชูวาจะสิ้นชีวิต เขาเตือนเหล่าประชากรของพระเจ้าถึงเรื่องพันธสัญญาที่มีต่อพระเจ้า และท้าทายพวกเขาให้รักและเชื่อฟังพระองค์ต่อไป

ี่........ผู้วินิจฉัย หลังจากโยชูวาสิ้ื้นชีวิตแล้ว อิสราเอลขาดผู้นำ บ่อยครั้งประชาชนได้หลงลืมพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์ แล้วหันไปนับถือรูปเคารพต่างๆ ต่อมาพระเจ้าทรงลงโทษพวกเขาโดยให้ชนชาติเพื่อนบ้านมากดขี่ข่มเหงเมื่อประชาชนเหล่านั้นหันกลับไปหาพระเจ้า และขอร้องให้พระองค์ยกโทษให้ พระองค์ทรงประทานผู้ืนำพิเศษโยเฉพาะให้ เพื่อช่วยพวกเขาให้พ้นมือศัตรู เขาเรียกบรรดาผู้นำพิเศษนี้ว่าผู้วินิจฉัย และผู้วินิจฉัยที่รู้จักกันดีคือ เดโบราห์ กิเดโอน และแซมสัน ...

........นางรูธเล่มนี้เป็นเรื่องของสองสามีภรรยาชาวอิสราเอลที่ย้างไปอยูประ้ทศโมอับในช่วงที่เกิดการกันดารอาหารผู้เป็นสามีกับบุตรชายสองคนสิ้นชีวิตที่นั่นทิ้งให้
ภรรยา(นาโอมี)กับลูกสะใภ้สองคน(โอบาห์กับรูธ)กยูกันตามลำพัง นางนาโอมีตัดสินใจกลับอิสราเอลส่วนนางรูธยืนยังว่าจะตามเธอไปด้วย เมื่อถึงอิสราเอลกับพวกเธอหวังว่าจะได้รัีบความช่วยเหลือจากโบอาสผู้เป็นญาติ ในที่สุดนางรูธแต่งงานกับโบอาส ลูกหลานที่สืบเชื้อสายต่อมาเป็นราชวงศ์ของดาวิดและพระเมสสิยาห์ - พระเยซูคริสต์ หนังสือนางรูธแสดงให้เห็นว่า พระเจ้ากำลังดำเนินงานให้แผนการไถ่บาปให้บรรลุผลสำเร็จ

........1ซามูเอล เล่มนี้เริ่มเรื่องด้วยการถือกำเนิดของซามูเอลและรับการฝึกฝนในพระวิหารจากนั้นบรรยายถึงวิถีทางที่เขานำประเทศชาติ
ในฐานะเป็นผู้เผยพระวจนะ ปุโรหิต และผู้วินิจฉัย เมื่อประชาชนอิสราเอลร้องขาให้มีกษัตริย์ซามูเอลเจิมซาอูลขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรก แต่พระเจ้าทรงถอดซาอูลออกจากตำแหน่งเพราะความไม่เชื่อฟังของเขา และให้ซาอูลเจิมดาวิดขึ้นแทนอย่างลับๆ ที่เหลือนอกนั้นกล่าวถึงการขับเคี่ยวกันระหว่างซาอูลกับดาวิด

........2ซามูเอล หนังสือ2ซามูเอลกล่าวถึงการก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลต่อเริ่มจากการสิ้นพระชนม์ของซาอูลเป็นต้นไปจากนั้นบรรยายถึง
การครองราชย์ตลอดสี่สิบปีของดาวิดเรื่องเด่นๆได้แก่ การยึดเยรูซาเล็ม ความบาปของดาวิดเกี่ยวกับนางบัทเชบา และการกบฏของอับซาโลม

........1 พงศ์กษัตริย์ หลังจากดาวิดสิ้นพระชนม์แล้ว พระโอรสซาโลมอนขึ้นครองราชย์แทน บทที่1-11 บรรยายถึงรัชสมัยของซาโลมอนรวมถึงการสร้างพระวิหารและพระราชวังที่เยรูซาเลม กษัยริย์องค์ต่อมาคือเรโหโบอัมผู้ซึ่งสูญเสียดินแดนตอนเหนือไป นับแต่นั้นมาอาณาจักรส่วนเหนือเรียกว่าอิสราเอล ...ส่วนอาณาจักรส่วนใต้เรืยกว่ายูดาห์ บทท้ายๆของเล่มนี้กล่าวถึงกษัตริย์อาหับผู้ชั่วช้ากับเอลิยาห์ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าที่กล่าวประณามความชั่วช้าของอาหับ และการไม่เชื่อฟังของคนอิสราเอล

........2พงศ์กษัตริย์ 2พงศ์กษัตริย์เป็นเรื่องของเอลิยาห์กับเอลิชาต่อนอกจากนั้นยังกล่าวถึงความเป็นไปของอาณาจักรเหนืออิสราเอลและใต้ของยูดาห์ควบคู่กัน
ไปจนกระทั่งสูญเสียเอกราชในที่สุด อิสราเอลตาเป็นของอัสซีเรียในปี 722 ก.ค.ศ. และยูดาห์เป็นของบาบิฏลนในป ี586 ก.ค.ศ.พวกผู้เผยพระวจนะของทั้งสองอาณาจักรได้ร้องเตือนประชาชนอย่างไม่หยุดว่า พระเจ้าจะลงโทษถ้าพวกเขาไม่กลับใจใหม

่........1 พงศาวดาร หนังสือพงศาวดารเริ่มด้วยการลำดับเชื้อสายตั้งแต่อาดัมไปจนถึงกษัตริย์ซาอูล จากนั้นกล่าวถึงรัชสมัยของกษัตริย์ดาวิด ดูเหมือนเรื่องราวในหนังสือพงศาวดารจะซ้ำกับซ้ำกับซามูเอลและพงศ์กษัตริย์ อย่างไรก็ตามพงศาวดารทั้งสองเล่มนี้เขียนขึ้นสำหรับคนอิสราเอลที่กลับจากการถูกเนรเทศ เพื่อให้สำนึกถึงความจริงที่ว่าพวกเขาสืบเชื้อสายจากกษัตริย์ดาวิด และเป้นพงศ์พันธุ์ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ หลักใหญ่ใจความคือชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่พระองค์ทรงกระทำไว้ ...

........ื้2 พงศาวดาร 2พงศาวดารเป็นเรื่องของราชวงศ์ดาวิดต่อ บทที่1-9 บรรยายถึงการสร้างพระวิหารระหว่างรัชสมัยของซาโลมอน บทที่ 10-36 เป็นประวัติความเป็นไปของอาณาจักรใต้คือยูดาห์ถึงเยรูซาเลมถูกทำลายในที่สุด และประชาชนเนรเทศไปบาบิโลน

........เอสรา เล่มนี้เป็นเรื่องราวของพวกยิวที่กลับมาจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน เริ่มด้วยพระราชปกาศิตของไซรัส พระราชาแห่งเปอร์เซีย
ที่อนุญาติให้พวกเชลยกลับได้ ประชาชนเริ่มสร้างพระวิหารใหม่อย่างกระตือรือร้นแต่พวกศัตรจากทางเหนือมาถ่วงเวลาให้ต้องชะงักไปถึง 18 ปี
ในที่สุดพระราชาดาริอัสทรงออกกฤษฎีกาให้สร้างให้เสร็จ(ดูเอสรา1-6 ) บทที่ 7-10 กล่าวถึงปุโรหิตเอสรากลับคืนสู่เยรูซาเลม เขาสอนประชาชน
ให้รู้ถึงพระบัญญัติของพระเจ้า และปฏิรูปชีวิตของพวกเขาเสียใหม่โดยให้หันกับมาหาพระเจ้า เอสราอาจจะเป็นผู้เขียนหนังสือเอสรากับเนหะมีย์

ู........เนหะมีย์ เล่มนี้กล่าวถึงพวกยิวที่กลับจากถูกเนรเทศเนหะมีย์ถอนตัวจากการเป็นพนักงานเชิญถ้วยเสวยของอารทาเซอร์ซีสพระราชาเปอร์เซีย
เพื่อไปเป็นผู้ว่าราชการที่เยรูซาเล็ม เขานำประชาชนสร้างกำแพงเมืองขึ้นใหม่หนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอธิษฐานในชีวิตของเนหะมีย์

........เอสเธอร์ หนังสือเอสเธอร์เป็นเรื่องของสาวงามชาวยิวที่กษัตริย์อาหสุเอรัสเลือกมาเป็นราชินี เมื่อฮามานวางแผนฆ่าคนยิวทั้งหมดในแผ่นดิน โมรเดคัยผู้เป็นญาติของพระราชินีพยายามยื่นมือช่วยเหลือชีวิตพี่น้องร่วมชาติไว้ได้ แม้ว่าหนังสือเอสเธอร์จะไม่เอ่ยพระนามของพระเจ้าเลยสักแห่งเดียว
แต่เราก็ได้เห็นถึงการปกป้องของพระองค์อย่างชัดเจน

........โยบ ตัวเอกของหนังสือเล่มนี้คือโยบ เขาเป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม ที่มั่งคั่งร่ำรวยแม้ต้องสูญเสียทุกสิงที่ี่มีอยู่
และต้องทนทุกข์เวทนาจากโรคร้าย ดยบก็ยังคงเชื่อวางใจในพระเจ้า หนังสือโยบเป็นเรื่องการหาเหตุูผล ว่าทำไมคนดีๆต้องทนทุกข์เพื่อนของ
โยบย้ำว่าเขาต้องทนทุกข์์เพราะถูกลงโทษเนื่องจากบาปของเขา แต่โยบทักท้วงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด และแสดงให้เห็นถึง
ความไว้วางใจในพระเจ้าของเขา ภายหลังพระเจ้าตรัสกับพวกเขาและสำแดงถึงฤทธานุภาพของพระองค์ให้โยบเข้าใจ
โยบจึงยอมรับว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่เกินที่เขาจะเข้าใจได้

........สดุดี เป็นหนังสือที่ไพเราะที่สุดเล่มหนึ่งของพระคัมภีร์ สดุดีเป็นบทเพลงสรรเสริญ นมัสการ ขอบพระคุณและกับใจใหม่
ส่วนใหญ่กษัตริย์ดาวิดเป็นผู้แต่ง ที่เหลือเป็นนอกจากนั้นเป็นของพวกบุตรของโคราห์ ซาโลมอน โมเสส และคนอื่นๆ

ี ........สุภาษิต เล่มนี้เป็นการรวบรวมคำแนะนำอันชาญฉลาดสำหรับมาใช้ในชีวิตประจำวัน ขึ้นต้นด้วยคำเตือนว่า"ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้"
(สุภาษิต1:17)ส่วนใหญ่เป็นของกษัตริย์ซาโมมอน บทอื่นๆรวบรวมไว้โดยคนของเอเซคียาห์ และผู้เขียนสอบบทสุดท้ายคือ การ์กูร์กับเลมูเอล

........ปัญญาจารย์ ปัญญาจารย์ได้ถกปัญหาความหมายแห่งชีวิต "ปัญญาจารย์"พินิจพิเคราะห์ดูสติปัญญา ความเบิกบานใจ การงาน อำนาจ ความมั่งคั่ง ศาสนา และสิ่งอื่นๆเขาสรุปว่าถ้าไม่มีพระเจ้าทุกสิ่งในชีวิตก็ไร้ความหมาย เป็นอนิจจัง

........เพลงซาโลมอน เพลงซาโลมอนเป็นเพลงยาวที่ให้เห็นภาพของความรักอันงดงามตามอุดมคติของมุนษย์และการแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ...

........อิสยาห์ อิสยาห์ได้เผยพระพระวจนะของพระเจ้าในอาณาจักรยูดาห์ช่วงสมัยของกษัตริย์อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ เขาร้องเตือนประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเยรูซาเลมกับยูดาห์จะถูกพิพากษาลงโทษเพราะความชั่วช้า(ความผิดรุนแรง)ของพวกเขา ในบทที่39
เขาพยากรณ์ว่า คนอิสราเอลจะถูกกวาดต้องไปบาบิโลน แต่เขายังให้ความหวังว่าราชอาณาจักรจะฟื้นตัวใหม่หรือได้เอกราชอีครั้ง ตั้งแต่บทที่ 40 เรื่อยมาผู้เผยพระวจนะให้คำประเล้าประโลมใจโดยหยิบยกเอาพันธะสัญญาต่างๆของพระเจ้ามากล่าวคือ ..
1.)คนที่ถูกกวาดต้อนไปจะได้กลับเยรูซาเลมอีก
2.)ผู้รับใช้ที่กรปรด้วยความชอบธรรมจะต้องทนทุกข์และจะมาประธานความรอดให้
3.)พระเจ้าจะสถาปนาราชอาณาจักรใหม่ที่กอปรด้วยความเที่ยงธรรม

........เยเรมีย์ เยเรมีย์เหมือนกับอิสยาห์ คือเป็นคนหนุ่มที่พระเจ้าทรงเรียกให้ไปร้องเตือนคนยูดาห์เกี่ยวกับความชั่วช้าของพวกเขา20 ปีแรกของเขา
อยู่ใต้การปกครองของโสิยาห์ กษัตริย์ผู้ซึ่งพยายมโน้มนำประชาชนชาวยูดาห์กลับมาหาพระเจ้า แต่หลังจาก แต่หลังจากนี้ต่อมาเยเรมีห์ต้องเผชิญอันตราย จากผู้นำทางการเมืองและศาสนาที่แค้นเคืองเยเรมีห์เนื่องด้วยถ้อยคำที่เขาประกาศ พระเจ้าทรงปกป้องเยเรมีห์ไว้ ดังนั้น เขาจึงยังยงสามารถร้องเตือน
คนชั่วช้าและปลอบประโลมใจคนที่เชื่อพึ่งพระเจ้าต่อไป หลังจากเยูซาเลม ถูกทำลาย เยเรมีห์เลือกอยู่กับประชาชนที่เหลือ และเดินทางไปอียิปต์กับพวกเขาด้วย ...

........บทเพลงคร่ำครวญ หนังสือบทเพลงคร่ำครวญเป็นคล้ายๆ บทเพลงที่ใช้ในงานศพ ผูเขียนอาจจะเป็นเยเรมีห
์ ซึ่งแสดงความเศร้าโศกเสียใจตอนที่เห็นเยรูซาเลมถูกทำลายเขาเขียนสารภาพความบาปของประชาชน และอธิษฐานขอพระเมตตาจากพระเจ้า ...


........เอสเสเคียล เล่มนี้ตั้งตามชื่อของผู้เผยพระวจนะเอเซเคียล ผู้เป็นปุโรหิตในเยรูซาเลม เขาถูกนำตัวไปยังกรุงบาบิโลนพร้อมกับชาวยิวคนอื่นๆ
ที่ถูกกวาดต้อนในปี 598 ก.ค.ศ.บทที่ 1-24 เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับการทำลายเยรูซาเลมพังพินาศแล้วเอเซเคียลเริ่มป่าวประกาศถ่้อยคำ
ที่เป็นความหวังใหม่ของประชาชนชาวอิสราเอล ที่จะได้กลับสู่ถิ่นฐานเดิม

........ดาเนียล เป็นหนังสือที่กล่าวถึงชีวิตของดาเนียลและเพื่อน3คนที่ถูกจับไปเป็นเชลย เขาทั้งสี่ยังคงเชื่อฟังและนมัสการพระเจ้าต่อไป
แม้บางครั้งต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง หกบทสุดท้ายของเล่มนี้ดาเนียลบรรยายถึงนิมิตที่เขาเห็นเกี่ยวกับอาณาจักรต่างๆในโลก
ก่อนที่อาราจักร อมตะชั่วนิรันดร์จะปรากฏขึ้นในที่สุด

........โฮเซยา โฮเซยาเป็นผู้เผยพระวจนะของอาณาจักรส่วนเหนือของอิสราเอลในรัชกาลของเยโรโบอัมที่2 บทที่ 1-3 กล่าวถึงความรักของ
โฮเซยากับภรรยาที่นอกใจเขา บทอื่นๆที่เหลือโฮเชยาใช้ประสบการณ์จากชีวิตสมรสของเขามาเป้นภาพพจน์ของความรักที่พระเจ้ามี
ต่อชาวอิสราเอลผู้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า

........โยเอล โยเอลเผยพระวจนะในรัชสมัยของกษัตริย์โยอาชเขาบรรยายถึงภัยพิบัติจากฝูงตั๊กแตนที่มาทำลายแผ่นดินยูดาห์ จากนั้นโยเอลเตือนประชาชนให้กลับ
ใจมาหาพระเจ้า และปรพกาศว่า"วันแห่งพระเจ้า"ใกล้มาถึง และจะมีการพิพากษายิ่งใหญ่กว่านี้อีก

........อาโมส อาโมสเป็นผู้เลื้ยงแกะที่พระเจ้าทรงเรียกมาเป็นผู้เผยพระวจนะตามหัวเมืองภาคเหนือของอิสราเอล เขาร้องประกาศว่าพระเจ้าจะพิพากษาลงโทษ
ประชาชนเพราะการที่พวกเขาหันหลังให้กับพระเจ้า ทารุณคนยากจน และดำรงชีวิตอยู่อย่างเห็นแก่ตัว

........โอบาดีห์ เป็นเล่มที่สั้นที่สุดของพระคัมภีร์ ซึ่งพยากรณ์กล่าวโทษชาวเอโดม
โอบาดีห์ป่าวประกาศว่าพระเจ้าทรงพิพากษาโทษของพวกเขาแล้ว และพยากรณ์ว่าประเทศของเขาจะถุกทำลาย

........โยนาห์ โยนาห์เะป็นผู้เผยพระวจนะที่พระเจ้าทรงเ้รียกให้ไป ประกาศยังต่างแดน คือ นครนีนะเวห์ โยนาห์พยายามหนีจากพระเจ้าแต่ถูกปลาใหญ่มหึมมา
กลืนเข้าไป เมือปลาสำรอกเขาไปไว้ที่ชายฝั่งโยนาห์ยอมเดินทางไปนีนะเวห์และตักเตือนประชาชน
เรื่องที่พระเจ้าจะพิพากษาลงโทษโยนาห์ได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าจะให้อภุยกับทุกคนที่สำนึงผิดแม้พวกเขาจะไม่เคยรู้จักกับพระองค์เลยก็ตาม ...

........มีัคาห์ มีคาห์อาศัยอยู่ในชนบทเขตยูดาห์ในรัชกาลของอาหัสและเฮเซคียาห์ เขาเตือนว่าพระเจ้าจะพิพากษาลงโทษเยรูซาเลมและสะมาเรีย เพราะความผิดบาปของผุ้นำทั้งสองเมืองนั้น แต่มีพันธสัญญามาถึงเหล่าคนที่ไว้วางใจในพระเจ้าว่า พระองค์จะฟื้นฟูศิโยนใหม่และจะทำให้เป็นแผ่นดินแห่งสันติสุข เขาพยากรณ์ว่าจะมีผู้ปกครองมาเกิดที่เบธเลเฮม และอำนาจของเจาจะไม่มีวันสิ้นสุด ...

........นาฮูม นาฮูมเป็นหนังสือพยากรณ์กล่าวโทษนครนีนะเวห์เมืองหลวงของอัสซีเรีย นาฮูมบรรยายถึงความทารุณโหดร้ายของพวกอัสซีเรียในเวลาที่พวกเขาบุกเข้ายึดดินแดนต่างๆ เขาพยากรณ์ถึงการทำลายล้างนครนีนะเวห์และการล่มจมของอาณาจักรอัสซีเรีย

........ฮาบากุก เล่มนี้เขียนในรูปการสนทนาระหว่างพระเจ้ากับผู้เผยพระวจนะ ฮาบากุกเป็นฝ่ายถามพระเจ้าก่อนว่า ทำไม่พระองค์จึงปล่อยให้ความชั่วช้าทารุณดำเนินอยู่โดยที่พระองค์ไม่ยับยั้ง เมื่อพระเจ้าครัสตอบเขาว่าพระองค์จะส่งชาวบาบิโลนมาลงโทษชาวยูดาห์ ฮาบากุกนึกห่วงมากขึ้น เขาไม่เข้าใจว่า ทำไม่พระเจ้าถึงใช้ชาวบาบิโลนมาทั้งที่พวกนี้ชั่วช้ายิ่งกว่าคนยิวเสียอีก พระเจ้าตรัสตอบว่า"คนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ" และบอกว่าพวกบาบิฏลนจะถูกลงโทษเช่นเดียวกัน หนังสือฮาบากุกจบลงด้วยบทเพลงสรรเสริญ ...

........เศฟันยาห์ เศฟันยาห์เผยพระวจนะในรัชกาลดยสิยาห์เขาร้องเตือนว่าวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงยูดาห์และเยรูซาเลม และร้องเรียกให้คนอิสเราเอลกลับมาหาพระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะนำประชากรของพระองค์กลับถิ่นฐานของพวกเขา ...

........ฮักกัย สิปแปดปีได้ผ่านไปนับตั้งแตพระราชาไซรัสออกกฤษฎีกาอนุญาตให้ชาวยิวกลับจากการเนรเทศ แต่พวกเขายังสร้างพระวิหารที่กรุงเยรูซาเลมไม่เสร็จ
ฮักกัยนำพระวจนะของพระเจ้าไปบอกว่าถึงเวลาแล้สที่จะสร้างพระนิเวสของพระเจ้าขึ้นมา และพระองค์จะให้พระนิเวศนี้เต็มด้วยสง่าราศี

........เศคาริยาห์ เศคาริยาห์เริ่มเผยพระวจนะหลังฮักกัยสองเดือนพระเจ้าใหเเศคาริยาห์เห็นนิมิตแปดอย่าง เพื่อหนุนใจพวกเขาให้สร้างพระวิหารให้เสร็จ
บทที่7 กับ 8 เป็นคำสั่งให้ประชาชนเชื่อฟังพระเจ้าด้วยการให้ความยุติธรรมและความ
เมตตาต่อกันและกัน บทที่9-14 พยากรณ์ถึงการเสด็จมาของกษัีตริย์แห่งศิฏยน "พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด"

........มาลาคี พระเจ้าใช้มาลาคีไปพูดกับคนยิวที่กลับจากการเป็นเขลย เขาเตือนประชาชนไม่ให้เพิกเฉยและดื้อดึงต่อพระเจ้า มิฉะนั้นพระองค์จะลงโทษพวก
เขา พระเจ้าประธานพระสัญญาทางมาลาคีว่า พระองค์จะช่วยคนเที่ยงธรรมให้รอด ...



พันธสัญญาใหม่
........มัทธิว ผู้เขียนพระกิตติคุณเล่มแรกคือมัทธิว ผู้เป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคนของพระเยซู และเขียนขึ้นก่อนที่ชาวโรมจะทำลายกรุึงเยรูซาเลมในปี ค.ศ.70 มัทธิวเขียนพระกิตติคุณเล่มนี้สำหรับคนยิว เพื่อแสดงให้เห็นว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระเมสิยาห์ตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ในพันธสัญญาเดิม เขายกคำพยากรณ์มาอ้างอิงหลายข้อ และชี้แจงให้ผุ้อ่านตระหนักว่าทุกอย่างเหล่านั้นสำเร็จเป็นจริงในชีวิตของพระเยซู นอกจากนั้นเขายังรวบรวมคำสอนของพระเยซูเกี่ยวกับแผ่นดินสวรรค์ไว้มากมายทีเดียว เพราะพวกยิวกำลังแสวงหาผู้ที่จะมาเป็นกษัตริย์ของพวกเ้ขา ตอนหนึ่งในหนังสือมัทธิวที่รู้จักกันดีคือตอนที่เทศนาบนภูเขา ซึ่งบ่งชี้ว่าพระเยซูเป็นบรมครูที่ยิ่งใหญ่

........มาระโก มาระโกผู้เขียนพระกิตติคุณเล่มนี้อาจเป็นคนแรกที่จดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตของพระเยซูเอาไว้ เขาอาจเป็นคนเดียวกับผู้ที่ทำงานประกาศร่วมกับเปาโลและบารนาบัสมาหลายปี มาระโกเขียนพระกิตติคูณเล่มนี้ เพื่อให้คริสต์เตียนยุกแรกรู้ว่าพระเยซูทรงเป็นเช่นไรและทำไมพระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ เขาชี้ให้เห็นว่าพระองค์ออกทำงานไม่หยุดหย่อน และทำสิ่งเหล่านั้นด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์ หนึ่งในสามของเล่มนี้กล่าวถึงเหตุการณ์สัปดาห์สุดท้ายบนแผ่นดินโลกของพระองค์แล้วจบลงด้วยการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์

........ลูกา นายแพทย์ลูกาผู้ร่วมเดินทางไปกับเปาโล เป็นผู่เขียนพระกิตติคุณเล่มที่สามนี้ ลูกาเกริ่นกล่าวไว้ในสี่ข้อแรกว่าเขาเขียนพระกิตติคุณเล่มนี้เพื่อให่เรารู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตของพระเยซู พระกิตติคุณลเ่มนี้มีรายละเอียดมากที่สุด จัดเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตของพระเยซูให้เป็นไปตามลำดับ และชี้ให้เห็นความรักของพระเยซูที่มีต่อคนทุกชนชั้น - มิใช่เพราะแต่คนร่ำรวยหรือคนสำคัญเท่านั้น แต่กับคนยากจน และคนที่สังคมดูหมิ่นด้วย ...

........ยอห์น พระกิตติคูณเล่มนี้เขียนโดยสาวกอีกคนหนึ่งที่"พระองค์ทรงรัก"คือยอห์น เขาเขียนขึ้นเพื่อ"ท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อท่านมีความเชื่อแล้ว ท่านก็จะมีความเชื่อโดยพระนามของพระองค์"(ยอห์น 20:31)ยอห์นต้องการชี้ให้ผู้อ่านได้เห็นว่าคำตรัสของพระเยซูและการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า เขาเลือกหยิบยกเฉพาะเหตุการณ์ที่แสดงว่าพระเยซูทรงเปี่ยมล้นด้วยฤทธิ์อำนาจในยามที่มนุษย์ไม่มีทางช่วยตัวเองได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ชี้ให้เห็นว่า
พระเยซูเป็นมนุษย์ พระองค์เหนื่อยเป็น หิวเป็น และเสียใจเป็นเช่นเดียวกับพวกเรา .

........กิจการ หนังสือกิจการเป็นหนังสือที่ต่อจากลูกา เล่มนี้เป็นบันทึกข้อเท็จจริงถึงการเริ่มขขยายตัวของคริสต์จักร บางครั้งจิงเรียกว่า"กิจการของอัครทูต" ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นงานของอัครทูต2ท่านคือเปโตรกับเปาโล นอกจากนั้นอาจเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า "กิจการของพระวิญญาณบริสุทธิ์" เพราะเล่มนี้บอกเราถึงการเสด็จมาและพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หนังสือกิจการมีคำสอนเกี่ยวกับคริสตจักรสมัยแรก3ประการ คือ ...
1.)คริสคจักรยุคแรกสอนอะไร
2.)วิถีทางที่พวกยิวไม่ยอมรับคำสอนนี้ และวิถีทางที่พระเจ้าใช้พวกอัครทูตไปหาคนต่างชาติยอมรับพระกิตติคุณ
3.)วิถีทางที่ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นกับรัฐบาลโรมปฏิบัติต่อคริสตจักยุคแรก

........โรม ดูเหมือนเปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ไปถึงชาวโรมตอนเขาเสร็จสิ้นการเดินทางเที่ยวที่3 เขากำลังจะกลับไปเยรูซาเลม และวางแผนแวะไปเยี่ยมกรุงโรมแล้วเลยไปเสปน(โรม15:23-25) หลังใหญ่ใจความของจดหมายฉบับนี้กล่าวถึงความชอบธรรม เปาโลสอนว่า
(1)ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นผู้ชอบธรรมเลยสักคนเดียว
(2)พระเยซูคริสต์เป็นผู้ชอบธรรมสมบูรณ์ไม่มีที่ติ
(3)ถ้าเราเชื่อในพระเยซู เราจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระจากอำนาจบาป มีชีวิตใหม่ และได้กลับไปคืนดีมีความสัมพันธ์อันถูกต้องกับพระเจ้า
(4)เราควรมีชีวิตที่"บริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า"

........1 โครินธ์ เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ขณะอยู่ที่เมืองเอเฟซัส เพราะเขาได้ข่าวไม่เป็นมงคลเกี่ยวกับคริสตจักรโครินธ์พวกคริสเตียนที่นั่น
ไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัีน - แตกกันเป็นก๊กเป็นเหล่า และบางคนดำเนินชีวิตอยูในความบาปเปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ไปต่อว่าและส้่งสอนพวกเขาว่า
ควรจะัประพฤติตัวอย่างไร โครินธ์เป็นเมืองชั่วร้ายเมืองหนึง จึงยากสำหรับพวกคริสเตียนที่จะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น โดยไม่ประพฤติเหมือนพวกเขา ในจดหมายฉบับนี้เปาโลพยายามให้บทเรียนสอนใจถึงชีวิตคริสเตียน เพื่อช่วยพวกเขาให้แยกความชั่วร้ายออกจากความดี

์ิ........2โครินธ์ เมื่อคริสเตียนที่โครินธ์ได้รับจดหมายฉบับแรกของเปาโล บางคนโกรธ แต่ส่วนมากสำนึกว่าพวกเขาทำผิด พวกเขาจึงส่งข่าวไปถึงเปาโลว่าพวกเขายินดีที่จะแก้ไขความประพฤติเสียใหม่ และฉบับนี้ก็เป็นอีกฉบับหนึ่งที่เปาโลเขียนตอบพวกเขามา ส่วนแรกบอกถึงความยินดีและความโล่งอกโล่งใจที่เห็นชาวโครินธ์เสียใจในการกระทำของตน และบัดนี้พวกเขากำลังปรับปรุงชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยต่อพระเจ้า ส่วนที่สองของฉบับนี้คล้ายเป็นคำกล่าวโต้ตอบเหล่าคนที่โกรธเขาและให้ร้ายเขา ...

์........กาลาเทีย เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ไปถึงคริสตจักรต่างๆที่ตั้งอยุ่ในแคว้นกาลาเทียของโรม คริสตจักรเหล่านั้นกำลังวุ่นวายเนื่องจากได้รับคำสอนผิดๆจากคนที่ฝังใจในลัทธิยิว คนเหล่านั้นเข้าไปสอนพวกคริสเตียนชาวกาลาเทียนว่าพวกเขาไม่รอดถ้าไม่เชื่อฟังพระเจ้าและประพฤติตามกฎเกณฑ์หมดในศาสนายิว
- เช่น การเข้าสุหนัต การรับประทานอาหารตามบทบัญญัติ และการถือวันเทศกาลของยิว เปาโลเขียนบอกพวกเขาว่า การเชื่อฟังและถือตามกฎเกณฑ์ต่างๆเหล่านั้นไม่ช่วยให้พวกเขารอดพ้นบาปได้ พวกเขาจะรับความรอดโดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์อย่างเดียวเท่านั้น เขายังสอนด้วยว่าคริสต์เตียนมีเสรีภาำพที่จะดำเนินชีวิตในกฏแห่งความรัก มิใช่กฏของโมเสส ...

........เอเฟซัส เปาโลเขียนขณะติดคุกอยู่ที่กรุงโรม และจดหมายฉบับนี้อาจถูกส่งไปยังคริสจักรอื่นๆรอบเมืองเอเฟซัสด้วย เอเฟซัสสมัยนั้นเป็นเมือง
ใหญ่และสำคัญมาก จึงเป็นศูนย์กลางของคริสจักรอื่นๆที่อยู่รอบๆ - มิใช่อาคารสถานที่แห่งใดแห่งกนึ่ง แต่เป็นคริสจักรที่รวมคริสเตียนจากทุกยุคทุกสมัยไว้ด้วยกัน ซึ่งเราเรียกว่า "คริสตจักรสากล"เปาโลกล่าวว่าเนื่องจากคริสเตียนทุกคนต่างเป็นครอบครัวเดียวกันในพระเยซูคริสต์ พวกเขาควรแสดงความรักต่อกันและกัน

........ฟิลิปปี เปาโลเขียนขณะติดคุกอยู่ที่กรุงโรม พวกคริสเตียนที่ฟิลิปปีส่งเอปาโฟรดิอัสมาเยี่ยมพร้อมนำข้าวของมาฝากด้วย ขณะที่พักอยู่ในกรุงโรมเอปาโฟรดิอัสล้มป่วยลง และพวกคริสเตียนชาวฟิลิปปีพากันเป็นห่วงเป็นใย หลังจากเอปาฏฟรดิอัสอาการดีขึ้น เปาโลจึงส่งเขากลับฟิลิปปีพร้อมจดหมายนี้ แม้เปาโลจะเขียนมาจากที่คุมขังก็ตาม แต่จดหมายฉบับนี้ก็เปี่ยมไปด้วยรักและชื่นชมยินดี เปาโลรู้สึกซาบซึ้งใจในความรักและความช่วยเหลือของพี่น้องชาวฟิลิปปีอย่างที่สุด

........โคโลสี โคโลสีเป็นฉบับที่สามที่เปาโลเขียนมาจากคุกในกรุงโรม ก่อนหน้านี้เอปาฟรัสเดินทางมาในกรุงโรมเพื่อแจ้งให้เปาโลทราบว่า มีผู้สอนเท็จมายังคริสจักรโคโลสีสอนว่าที่พวกเขาเชื่อเช่นนั้นยังไม่ครบถ้วน พวกเขาบอกว่าชาวโคโลสีต้องกราบไหว้ทูตสวรรค์และถือกฏกับพิธีต่างๆด้วย เปาโลจึงเขียนไปถึงชาวโคโลสีเพื่อต่อต้านผู้สอนเท็จพวกนี้ เขาเตือนพวกคริสเหล่านั้นให้รำรึกถึงพระเยซูทรงสูงสุดเหนือสรรพสิ่ง การสิ้นพระชนม์ก็เพียงพอแล้วที่จะนำเราให้ได้รับความรอดพ้นจากบาปโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งสิ่งใดอีกและโดยทางพระองค์เราจะเป็นอิสระจากกฏเกณฑ์
ทั้งหลายที่มนุษย์สร้างมา

........1 เธสะโลนิกา เปาโลก่อตั้งคริสต์จักรเมืองเธสะโลนิกาขึ้นในการเดินทางเที่ยวที่ 2 เขาอยู่สอนพวกเขาประมาณสามสัปดาห์ แต่ต่อมาเขาต้องหนีไปจากที่นั่นเพราะพวกยิวต่อต้านอย่างรุรแรง เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้จากเมืองโครินธ์ เพื่อหนุนใจคริสเตียนเมืองเธสะโลนิกาและสอนพวกเขาให้รู้ถึงคำสอนมากขึ้นด้วย เขายกย่องพวกเขาว่ากล้าหาญ และไม่ยอมทิ้งความเชื่อ"ทั้งๆที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย"เขาสอนพวกเขาว่า"ควรจะประพฤติอย่างไร จึงเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า และสอนถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ว่าเวลานั้นจะเป็นความลับหรือไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลย ดังนั้นขอให้แต่ละคนทำงานให้เต็มที่จนกว่าวันนั้นจะมาถึง

........2 เธสะโลนิกา เปาโลเขียนจากโครินธ์ส่งตามฉบับที่หนึ่งไปโดยระยะเวลาห่างกันไม่นานเพื่อแก้ความผิดของบางคนเกี่ยวกับตัวเปาโล และการคิดว่าพระเยซูจะเสด็จมาในไม่ช้านั้น พวกเขาเอาแต่หยุดทำงานและนั่งรอพระเยซูเฉยๆ เปาโลบอกชาวเมืองเธสะโลนิดาอีกครั้งว่าการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูจะเป็นเช่นไร เขาเตือนให้พวกเขาทำงานหนักจนกว่าพระองค์จะมา

........1 ทิโมธี ทิโมธีเป็นสหายหนุ่มของเปาโลที่กลับใจมาเป็นคริสเตียนตอนที่เปาโลออกเดินทางเที่ยวแรก เขาไปกับเปาโลในการเดินทางเที่ยวที่สอง และจากนั้นเขาก็ช่วยงานเปาโลมาโดยตลอด ในเวลาที่เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ ทิโมธีกำลังทำหน้าที่เป้นครูและผู้นำของคริสจักรเอเฟซัส ทิโมธีดูเด็กเกินไปสำหรับงานสำคัญอย่างนั้นเปาโลเขียนไปให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของเขาจดหมายฉบับแรกนี้สอนว่าสมาชิกคริสจักร์ควรปติบัติอย่างไร และผู้นำคริสจักรต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

ีี่........2 ทิโมธี เมื่อเปาโลเขียนไปถึงทิโมธีเป็นฉบับที่สอง เขาถูกจำคุกที่กรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง เขารู้ว่าครั้งนี้ไม่มีโอกาศรอดออกมาได้และเขาคงถูกประหารชีวิตในไม่ช้านี้เขาจึงอยากหนุนนำใจทิโมธี เพราะทิโมธีต้องรับช่ววงการเดินทางประกาศต่อหลังจากเปาโลสิ้นชีวิตแล้วเปาโลสอนทิโมธีมากขึ้นถึงเรื่องการนำคริสจักร เขาบอกทิโมธีให้ต่อต้านพวกครูสอนเทียมเท็จ และให้สัตย์ซื่อต่อคำสอนแท้จริงของคริสเตียน

........ทิตัส ทิตัสเป็นเพื่อนและผู้ชวยอีกคนของเปาโลเคยร่วมเดินทางไปกับคณะของเปาโลเป็นบางครั้ง ขณะที่ได้รับจดหมายนี้เขาทำงานในฐานะผู้นำคริสจักรที่เกาะครีต จดหมายฉบับนี้คล้ายคลึงกับอีกสองฉบับที่ถูกส่งไปถึงทิโมธีอย่างมาก เปาโลต้องการฝึกฝนทิตัสให้เป็นผู้นำคริสจักรที่ดี เขาสอนว่าควรประพฤติตนอย่างไร และงานที่ต้องรับผิดชอมมีอะไรบ้าง ...

........ฟีเลโมน ฟีเลโมนเป็นผู้นำคริสจักรที่เมืองโคโลสี และเป็นเพื่อนกับเปาโล ทาสของฟีเลโมนคนหนึ่งชื่อโอเนสิมัสขโมยเงินของนาย แล้วหนีไปยังกรุงโรมระหว่างอยู่ที่นั่นเขาพบกับเปาโล และกลับใจมาเป็นคริสเตียน เปาโลส่งเนสิมัสกลับไปหาฟีเลโมน พร้อมด้วยจดหมายฉบับนี้เปาโลขอฟีเลโมยกโทษให้โอสิเนมัสและปฏิบัติต่อเขาในฐานะพี่น้องในพระคริสต์ มิใช่ทาสที่หนีไป(ที่ต้องตายสถานเดียว)

........ฮีบรู จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นในสมัยที่คริสเตียนถูกข่มเหงและถูกฆ่าตายเพราะเชื่อในพระเยซู มีคริสเตียนชาวยิวบางคนคิดจะเลิกเป็นคริสเตียนและกลับไปอยู่ศาสนายิวหนังสือฮีบรูได้เขียนสอนชาวยิวเหล่านี้ว่า ความเชื่อตามทางของคริสเตียนดีกว่าความเชื่อตามลัทธยิวในทุกสถนาเล่มนี้ชี้ให้ผู่อ่านเห็นว่า พระเยซูทำให้ความเชื่อของพวกยิวบรรลุผลสำเร็จ โดยการถวายตัวพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งสุดท้ายเนื่องจากบาปของมนุษย์ หลังจาการสิ้นพระชนม์แล้ว ไม่จำเป็นต้องถวายเครื่องบูชาดังที่กำหนดไว้ในพันธสัญญาเดิมอีกต่อไปบทที่ 11 - เป็นบทที่รู้จักกันดีที่รวบรวมวีรบุรุษแห่งความเชื่อสมัยพันธสัญญาเดิม - เป็นตัวอย่างที่ดีให้คริสเตียนได้เจริญรอยตามและเกิดความไว้วางใจในพระเจ้า

........ยากอบ หนังสือพันธสัญญาใหม่เจ็ดเล่มตั้งแต่ยากอบถึงยูดาจัดอยู่ในประเภทจดหมายทั่วไป ฉบับแรกเลยยากอบน้องชายของพระเยซูเป็นผู้เขียน เขาเป็นหนึ่งในผู้นำในคริสจักรที่เยรูซาเลม ยากอบเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อสอนถึงหลักปฏิบัติของคริสเตียน เขาเชื่อว่าผู้ที่มีความเชื่อแท้จริงจะสำแดงออกด้วยการประพฤติตนเเบบคริสเตียนเขาให้คำแนะนำที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงเช่นเรื่องความโกรธ การทะเลาะวิวาท การเห็นแก่หน้าคน การยับยั้ง การอวดตัว ความอดทน และการอธิษฐาน

........1 เปโตร เปโตร หนึ่งในสาวกสิบสองคนของพระเยซูเป็นผู้เขียนเขาฝากไปให้พวกคริสเตียนที่กระจัดกระจายอยู่ตามแคว้นต่างๆในเอเซียไมเนอร์ตอนเหนือ คริสเตียนเหล่านี้กำลังถูกข่มเหงเพราะความเชื่อ ดังนั้น เปโตรบอกพวกเขาว่าให้นึกถึงความทุกข์ทรมานของพรเยซูที่ต้องรับเพื่อพวกเขา และให้เอาแบบอย่างด้วยความกล้าหาญและไว้วางใจในพระเจ้า เขาให้เหตุผลว่าเพราะพระเจ้าทรงเลือกพวกเขาให้เป็นคนของพระองค์ และเนื่องจาพระเยซูได้รับความทุกข์ทรมานจนสิ้นพระชนม์แทนพวกเขา ฉะนั้น พวกเขาควรดำเนินชีวิตในวิถีทางที่พระเจ้าทรงพอพระทัย

........2เปโตร เปโตเขียนฝากไปให้คริสเตียนพวกเดียวกับฉบับแรก พวกเขาเหล่านี้กำลังตกอยู่ในอันตรายจากผู้สอนเท็จที่ชักนำให้หลงผิดไป เปโตรให้ข้อคิดว่าวิธีต่อต้านครูเทียมเท็จที่ดีที่สุดคือ เราต้องเติบโตขึ้นในชีวิตคริสเตียนทั้งในด้านความรู้และความเชื่อ เขาเตือนว่าพระเจ้าจะทำลายครูเทียมเท็จทั้งหลาย เปโตรยังยำ้อีกว่าพวกเขาควรมีชีวิตที่ บริสุทธิ์และดีงาม เพราะพระเยซูจะเสด็จกลับมาตามพระสัญญาแน่นอน

........1ยอห์น ยอห์นสาวกที่พระองค์ทรงรักและเป็นผู้เขียนพระกิตติคุณเล่มที่สี่ ได้เขียนจดหมายอีกสามฉบับต่อจากนี้ด้วยฉบับแรกเขียนเตือนคริสเตืยนทั้งหลายถึงอันตรายของครูผู้สอนเท็จที่พยายามชักนำพวกเขาให้หลงผิดไป ครูเหลานั้นสอนว่าพระเยซูทรงเป็นมนุษย์ ไม่ได้เป็นพระคริสต์หรือบุตรพระเจ้าแต่อย่างใด เพราะพระเจ้าจะไม่มาบังเกิดเป็นมนุษย ยอห์นเน้นความสำคัญที่คริสเตียนเราต้องรู้และเชื่อในเรื่องที่พระเยซูเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ และบอกพวกเขาว่าเมื่อพวกเขารักซึ่งกันและกันและเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาก็แน่ใจใด้ว่าเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว

์........2 ยอห์น ยอห์นเขียนจดหมายฉบับนี้ส่งไปถึง สุภาพสตรีที่ทรงเลือกไว้ และบรรดาบุตรของท่าน เขาอาจจะหมายถึงสตรีีคริสเตียนคนหนึ่งกับครอบครัวของเธอ หรืออาจจะหมายถึงคริสจักรกับมวลสมาชิกก็ได้ ฉบับนี้ยอห์นเน้นถึงความสำคัญของการที่คริสเตียนจำต้องรักกันและกันเขากล่าวว่าการมีความรักหมายถึงการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า และพระบัญญัติของพระเจ้าบอกให้เราดำเนินชีวิตต้วยความรัก นอกจากนั้นยอห์นยังเตือนให้ระวังอันตรายจากครูสอนเท็จด้วย

........3 ยอห์น ยอห์นเเขียนถึงกายอัสเพื่อนของเขาและเป็นผู้นำคริสจักรส่วนหนึ่งในคริสจักรของกายอัสมีชายคนหนึ่งชื่อดิโอโตรเฟสเป็นผู้ขักขวางไมาให้ต้อนรับผู้นำข่าวของยอห์นมา และไม่ยอมรับความเป็นผู้นำของยอห์น เขาเขียนจดหมายฉบับนี้ไปยกย่องขอบคุณกายอัสที่ช่วยเหลือและติเตียนดิิโอโตรเฟรที่ไม่ให้ความร่วมมือ ยอห์นสัญญากับกายอัสว่าจะมาเยี่ยมเยียนคริสจักรแห่งนี้ในไม่ช้าเพื่อจัดกากับดิโอโครเฟสด้วยตัวเอง

........ยูดา ยูดาเป็นน้องชายพระเยซูเช่นเดียวกับยากอบ เขาเขียนเตือนพวกคริสเตียนให้ระวังครูสอนเท็จเหมือนกับหนังสือเปโตรฉบับที่สอง พวกครูเทียมทเ็จเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปฏิเสธได้ว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้าเพียงเท่านั้น พวกเขายังชักนำลูกของพระเจ้าให้กระทำบาปด้วย ยูดาเตือนว่าพระเจ้าจะลงโทษและทำลายครูเทียมเท็จเหล่านี้แบบเดียวกับที่พระองค์เคยลงโทษคนบาปในพันธสัญญาเดิม

........วิวรณ์ เป็นเล่มเดียวที่อยู่ในหมวดคำพยากรณ์ในพันธสัญญาใหม่หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่อง้กี่ยวกับการอวสารของโลกนี้ และการเริ่ม ท้องฟ้าและแผ่นดินใหม่ อัครทูตยอห์นเขียนหนังสือวิวรณ์เล่มนี้ระหว่างถูกเนรเทศไปอยู่บาเกาะปัทมอส ขณะที่พระเยซูพระทานนิมิตให้ยอห์นเห็นสิ่งที่จะเกิดในอนาคต ยอห์นเขียนเล่มนี้ส่งไปถึงพวกคริสเตียนที่ถูกข่มเหงมีความไว้วางใจในพระเจ้าและเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ควาบคุมทุกสิ่งบาโลกนี้ นิมิตของยอห์นบ่งชี้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ครอบครองเหนือคนและทุกสิ่ง - แม้แต่อำนาจรัฐบาลที่มีอำนาจล้นเหลือ - และพระองค์จะทรงพิพากษกลงโทษสิ่งชั่วร้ายทุกอย่าง นอกจากนั้นหนังสือวิวรณ์ยังให้ภาพของสวรรค์อันเป็นที่ซึ่งเราจะได้ไปอยู่ร่วมกับพระองค์ ...

ไม่มีความคิดเห็น: